สวัสดีครับ ชาวเน็ตที่บ้าแฟชั่นทั้งหลาย หลักจากที่เราได้ศึกษาเกี่ยวกับวงการภาพยนคร์ในมิติต่างๆแล้ว ทีนี้ในฐานนะ Admin เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวงการแฟชั่นนะครับ เลยอยากจะพูดถึง บริบทชองแฟชั่นและอิทธิพลการแต่งตัวของนักแสดงในหนังเรื่องต่างๆ พร้อมวิวัฒนาการแปลกๆ ในแต่ละยุค ที่แสดงออกมาในวงการภาพยนตร์กันนะครับ
(แหล่งค้นคว้า) :: https://ntclibya.com/arts/behind-luxury-filmming-industry/ : กล่าวถึงความหรูหราในวงการภาพยนตร์
อันดับแรก Admin ลองหาคำๆ นี้เป็นภาษาอังกฤษใน Google คำว่า “Evolution of Fashion in movie and film making industry”
ทาง Google AI Overview ได้กล่าวถึงประเด็นนี้จากการสรุป (Deep Research) ได้ดังต่อไปนี้
Fashion in film evolved from practical necessity in the silent era to an integral part of storytelling and cultural influence, transforming from early theatrical glamour to realistic portrayals, and then reflecting diverse societal shifts like sustainable practices and inclusivity
กล่าวถึงเรื่องวิวัฒนาการแฟชั่น ก็สามารถดูได้จาก การเล่าเรื่อง และ ความมีอิทธิพลของวัฒนาธรรม มีอัตลักษณืที่เทียบเคียงความจริงอยู่มาก
ทีนี้เราลองมาดูรายละเอียด ของวิวัฒนาการแฟชั่น ในแต่ละยุคกันครับ
-
Early Cinema (Early 1900s – 1920s) ช่วงแรกเริ่มของการสร้างหนัง
** อ้างอิงจาก : https://silverscreenmodes.com/fashion-shows-in-film-1925-1930/
จุดเริ่มต้นที่เน้นประโยชน์ใช้สอย (Utilitarian Beginnings): ในระยะแรกเริ่ม เครื่องแต่งกายส่วนใหญ่เน้นไปที่การใช้งานจริง (utilitarian) โดยมุ่งเน้นที่การแสดงถึงตัวละครและฉาก/ยุคสมัยเป็นหลัก มากกว่าการแสดงออกทางศิลปะ
รากฐานจากโรงละคร (Theatrical Roots): อิทธิพลของการออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับการแสดงละครเวทีมีความชัดเจนมาก ในบางครั้งเครื่องแต่งกายจึงดูหรูหราเกินจริง (extravagant) หรือมีรูปแบบที่จัดจ้านเกินไป (overly stylized) เพื่อชดเชยข้อจำกัดของเทคโนโลยีภาพยนตร์ยุคแรก
การบุกเบิกสู่งานศิลปะ (Pioneering the Art): บุคคลสำคัญอย่าง Adolph Zukor และ D.W. Griffith ได้เข้ามาช่วยสร้างให้การออกแบบเครื่องแต่งกายเป็นส่วนที่มีความคิดสร้างสรรค์และเป็นของแท้ (authentic) ของการสร้างภาพยนตร์ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องแต่งกายนั้นสอดคล้องกับเนื้อเรื่องและโครงเรื่องหลัก
2. The Golden Age (1930s – 1950s) ยุคทองของวงการภาพยนตร์
ความเย้ายวนและสไตล์ในยุคทองของภาพยนตร์
ความหรูหราและสไตล์ (Glamour and Style): ยุคนี้เป็นช่วงที่ความหรูหรา (glamour) เบ่งบานอย่างยิ่ง มีการสร้างสรรค์ลุคที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น “สไตล์โทรศัพท์สีขาว” (white telephone style) และมีการแจ้งเกิดของดาราที่เป็นไอคอน เช่น Jean Harlow
เครื่องแต่งกายในฐานะตัวละคร (Costume as Character): นักออกแบบเริ่มสร้างสรรค์สไตล์ที่มีความโดดเด่นสำหรับนักแสดงแต่ละคน ทำให้เกิดช่วงเวลาแฟชั่นในตำนาน เช่น ชุดราตรีของ Givenchy ที่ออกแบบให้กับ Audrey Hepburn
ย่อหน้านี้เน้นถึงการเปลี่ยนผ่านของเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์จากแค่การเล่าเรื่องไปสู่การเป็นสัญลักษณ์ของแฟชั่นและเป็นส่วนสำคัญที่กำหนดเอกลักษณ์ของตัวละครอย่างชัดเจน
3. The Shift to Realism and Modernization (1960s – 1990s)
ความสมจริง (Authenticity): เมื่อภาพยนตร์พัฒนาขึ้น มีความต้องการความสมจริงมากขึ้น ส่งผลให้เครื่องแต่งกายมีความน่าเชื่อถือและถูกต้องตามความเป็นจริง (authentic) มากขึ้น ทั้งในแง่ของวิถีชีวิตของตัวละครและการตั้งค่าฉากของภาพยนตร์
การสะท้อนวัฒนธรรม (Cultural Reflection): ภาพยนตร์เริ่มที่จะสะท้อนและมีอิทธิพลต่อกระแสสังคมและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ตั้งแต่แฟชั่นต่อต้านสถาบัน (anti-establishment looks) ไปจนถึงการเติบโตของวัฒนธรรมย่อย (subcultures) ต่าง ๆ
พลังของแบรนด์ (Brand Power): ในช่วงทศวรรษ 1980s มีการใช้ผลิตภัณฑ์เข้ามาในภาพยนตร์มากขึ้น (product placement) อย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่นแว่นกันแดด Ray-Ban ซึ่งกลายเป็นสินค้าหลักหลังจากที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Risky Business
ภาพยนตร์ผู้สร้างเทรนด์ (Trendsetting Films): ภาพยนตร์อย่าง Clueless และ The Devil Wears Prada ได้แสดงและผลักดันกระแสแฟชั่นให้ก้าวหน้า มีอิทธิพลต่อความต้องการของผู้บริโภค และแม้กระทั่งส่งผลต่ออาชีพในอุตสาหกรรมแฟชั่นด้วย
4. The Contemporary Era (2000s – Present)
ความครอบคลุม จริยธรรม และอนาคตของแฟชั่นในสื่อภาพยนตร์
ความครอบคลุมและจริยธรรม (Inclusivity and Ethics): ในศตวรรษที่ 21 มีการมุ่งเน้นที่แฟชั่นที่ยั่งยืน (sustainable) และมีจริยธรรม (ethical) รวมถึงการเล่าเรื่องที่ครอบคลุม (inclusive) มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการเลือกเครื่องแต่งกายที่มีความหลากหลายมากขึ้นตามไปด้วย
กระแสโลกาภิวัตน์ (Globalized Trends): อินเทอร์เน็ตและโลกาภิวัตน์ได้เร่งให้การแพร่กระจายของกระแสแฟชั่นเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยที่สื่อภาพยนตร์ยังคงทำหน้าที่เป็นตัวเร่งสำคัญ (catalyst) สำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
นอกเหนือจากภาพยนตร์แบบดั้งเดิม (Beyond Traditional Film): วิวัฒนาการได้ขยายไปสู่ “ภาพยนตร์แฟชั่น” (fashion films) ซึ่งเป็นแนวที่ผสมผสานการเล่าเรื่องเข้ากับการโปรโมตผลิตภัณฑ์ และยังขยายไปสู่เมตาเวิร์ส (metaverse) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แฟชั่นกลายเป็นดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ
แหล่งอ้างอิง
เว็บพูดเกี่ยวกับหนังแบบวิเคราะห์ลึกซึ้ง : https://alteredmovie.com/